สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและก็สังคมแห่งชาติเตือนภัยขึ้นค่าแรง 600 บาท

นายดนุชา พิชยความสำราญ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจรวมทั้งสังคมแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) เปิดเผยภาวะสังคมไตรมาส 3 ปีนี้ ที่เจอการเคลื่อนไหวสำคัญ ดังเช่นว่า ด้านแรงงาน ที่ค่าจ้างแรงงานปรับนิสัยสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ว่าค่าตอบแทนที่แท้จริงหดตัว โดยค่าแรงงานแรงงานภาคเอกชน และภาพรวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 13,751 และก็ 15,213 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มสูงมากขึ้น 5.3% และ 3.8% เป็นลำดับ และก็ขยายตัวสม่ำเสมอ แต่ผลของเงินเฟ้อทำให้ค่าแรงที่แท้จริงหดตัวลง ซึ่งค่าแรงที่แท้จริงของแรงงานภาคเอกชนหดตัว 1.7% รวมทั้งค่าแรงงานที่แท้จริงในภาพรวมหดตัว 3.1% จากตอนเดียวกันของปีกลาย สะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าแม้ค่าแรงงานสูงขึ้น แต่ไม่ทำให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการใช้จ่ายของแรงงานเพิ่มขึ้น

"เงินเฟ้อที่สูงกระทบต่อแรงงานนอกระบบมากกว่าแรงงานในระบบ เพราะเหตุว่าแรงงานในระบบจะได้ประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงอย่างน้อยเมื่อเดือน ต.ค. ขณะที่กรุ๊ปผู้ประกอบอาชีพอิสระและก็กลุ่มแรงงาน ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม หรือกลุ่มแรงงานนอกระบบ 20 ล้านคน หรือ 50.5% ของแรงงานทั้งหมด เป็นกลุ่มที่แบกภาระค่ายังชีพที่มากขึ้น ส่วนตัวการว่างงานต่ำลงต่อเนื่องอยู่ที่ 490,000 คน คิดเป็น 1.213% ของจำนวนผู้มีงานทำ"

ขณะที่กรณีที่พรรคการเมืองมีการหาเสียงขึ้นค่าแรงอย่างน้อย เป็นวันละ 600 บาท ตนเห็นว่าค่าจ้างขั้นต่ำได้ผลทดแทนของแรงงาน ข่าวเศรษฐกิจ ไร้ความสามารถ สิ่งที่รัฐทำตลอดมา คือการเพิ่มความสามารถให้กับแรงงาน เพื่อมีรายได้ตรงกับความสามารถที่เขามี ด้วยเหตุนั้นถ้ารายได้ของแรงงานขั้นต่ำมีการขยับขึ้น ก็ควรมีการปรับรายได้ของแรงงานมีความชำนาญขึ้นไปด้วย เพื่อให้มีกรอบที่แจ่มกระจ่างระหว่างแรงงานมีทักษะกับที่ขาดทักษะ ภาระก็จะตกอยู่กับผู้ประกอบธุรกิจ